2553-10-08

ประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต

...ประเพณีถือศีลกินผัก(เจียะฉ่าย) จังหวัดภูเก็ตนั้นเริ่มเป็นครั้งแรกที่อำเภอกระทู้ในปี พ. ศ. 2368 พระยาถลาง(เจิม) ได้ย้ายเมืองถลางมาตั้งที่บ้านเก็ตโฮ่ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ดีบุก แต่บริเวณดังกล่าว เป็นป่าทึบมีไข้ป่าชุกชุม ดังนั้นเมื่อคณะงิ้วเร่(ปั่วฮี่) จากเมืองจีนมาเปิดการแสดงและเกิดล้มเจ็บลง คณะงิ้วจึงได้ประกอบพิธีกินผักขึ้น เพื่อบวงสรวงเทพเจ้า "กิ๋วอ๋องไต่เต" และ " ยกอ๋องซ่งเต" หลังจากนั้นปรากฏว่าโรคภัยไข้เจ็บได้หมดไป ชาวกระทู้สอบถามได้ความเช่นนั้นจึงเกิดศรัทธา ประกอบพิธีกินผักขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึงวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 รวม 9 วัน 9 คืน เพื่อความเป็นมงคลแก่ตนเองและบ้านเมือง ต่อมามีผู้รู้รับอาสา ไปอัญเชิญเหี่ยวโห้ย หรือเหี่ยวเอี้ยน(ควันธูป) และเลี่ยนตุ่ย(ป้ายชื่อ) พร้อมทั้งคัมภีร์ต่าง ๆ ที่ใช้ในพิธีกินผัก ที่มลฑลกังไส ประเทศจีน และได้เดินทางกลับมาถึงในวันขึ้น 7 ค่ำเดือน 9 เมื่อชาวบ้านทราบข่าวจึงได้ จัดขบวนไปรับที่บ้านบางเหนียวอันเป็นกำเนิดพิธีรับพระนั่นเอง

...ในพิธีกินผักนั้นช่วงบ่ายก่อนวันพิธี หนึ่งวันจะมีพิธียกเสาโกเต้งไว้หน้าศาลเจ้าเพื่อประกอบพิธีอัญเชิญ "ยกอ๋องซ่งเต"(พระอิศวร) และ "กิ๋วอ๋องไต่เต" (ผู้เป็นใหญ่ทั้งเก้า) มาเป็นประธานในพิธีและจำนำตะเกียง 9 ดวง ซึ่งถือเป็นสัญญลักษณ์ของการเริ่มพิธีไว้บนเสาโกเต้งเวลาเที่ยงคืน นอกจากนี้ตลอดเวลา 9 วันของพิธีกินผัก จะมีพิธีกรรมต่าง ๆ เช่นอัญเชิญ ลำเต้า-ปักเต้า (เทวดาผู้กำหนดเวลาเกิดและตาย) พิธีอิ้วเก้ง(พิธีแห่พระ) พิธีอาบน้ำมัน ขึ้นบันไดมีด พิธีโก้ยโห้ย(ลุยไฟ) พิธีโก้ยห่าน(สะเดาะเคราะห์) ตลอดจนการทรงพระ ซึ่งเป็นการอัญเชิญเจ้ามาประทับในร่างของม้าทรงและแสดงอิทธิฤทธิ์ ด้วยการทรมานร่างกายในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งนี้ก็เพื่อรับทุกข์แทนผู้ถือศีลกินผักและเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บ้าน เมือง กล่าวกันว่าผู้ที่จะเป็นม้าทรงได้มีอยู่ด้วยกัน 2 กรณี คือผู้ที่ชะตาขาดแกแต่ยังไม่ถึงฆาต ดังนั้นการเป็นม้าทรงจึงเปรียบเสมือนการต่ออายุขัย อีกกรณี คือผู้ที่พระเห็นว่าเหมาะสมเนื่องจากประพฤติตัวอยู่ในศีลธรรม และในระหว่างเทศกาลจะมีการประโคมด้วยกลอง ล่อโก๊ะ และจุดประทัด โดยเฉพาะในวันส่งพระซึ่งถือเป็นวันสิ้นสุดของพิธีกินผัก ทั้งนี้ด้วยความเชื่อว่าเสียงดังจะทำให้สิ่งชั่วร้ายหมดไป สำหรับผู้เข้าร่วมพิธีกินผักนั้น นอกจากจะได้รับผลบุญและความเป็นสิริมงคลแต่ตนเองแล้ว ยังทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงจิตใจมีเมตตา ไม่ฆ่าสัตว์ ละเว้นอบายมุขทั้งปวงอันก่อให้เกิดความสะอาด สว่าง สงบในจิตใจ

ที่มา : เอกสารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานภาคใต้เขต 4