กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาสรุปความเป็นไปได้โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าขนาด เบาที่ภูเก็ตแล้ว เส้นทางเร่งด่วนที่ต้องทำอันดับแรก ต้องเป็นเส้นทางสนามบิน-ห้าแยกอ่าวฉลอง วิ่งด้วยรถบัสไฟฟ้าล้อยางที่หรูหราทันสมัย ในเลนพิเศษบนถนนที่มีอยู่แล้ว แต่ต้องใช้เงินลงทุนสูงกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท เตรียมประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นชาวภูเก็ตปลายมิ.ย.นี้
ตามที่จังหวัดภูเก็ต ใช้งบผู้ว่าฯซีอีโอ จำนวน 17 ล้านบาท ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งประกอบด้วย บริษัท พีระมิด ดีเวลล็อปเม้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท อีโคซิสเต็ม เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด และศูนย์วิจัยและพัฒนาการจราจรและการขนส่ง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ศึกษาความเป็นไปได้ “โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าขนาดเบารอบเกาะภูเก็ตและเส้นทางสนามบิน” ซึ่งกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาได้นำเสนอรายงานการศึกษาเป็นระยะๆ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาได้นำเสนอผลการศึกษากับทางจังหวัดภูเก็ตอีกรอบหนึ่ง ซึ่งการนำเสนอผลการศึกษาในครั้งนี้ มีความชัดเจนในเรื่องของเส้นทางที่จะลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าขนาดเบา รูปแบบตัวรถที่จะนำมาใช้ที่ภูเก็ต และงบประมาณที่ต้องใช้ในการลงทุน
โดยเส้นทางรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นรอบเกาะภูเก็ตมีทั้งหมด 16 เส้นทาง แต่เส้นทางที่จะต้องลงทุนและมีความเป็นไปได้ในเบื้องต้นมี 7 เส้น แต่เส้นทางเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการก่อนมีเพียง 3 เส้นทางเท่านั้น ประกอบด้วย เส้นทางจากสนามบินภูเก็ต-สามแยกบางคู-โลตัส-เซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ต-อ่าว ฉลอง ระยะทาง 41 กิโลเมตร เป็นเส้นทางมีความหนาแน่นของผู้โดยสารสูงที่สุด อยู่ที่วันละ 87,000 กว่าคน และเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งนักท่องเที่ยวจากสนามบินภูเก็ตไปยังแหล่งท่อง เที่ยวต่าง ๆ ตั้งแต่หัวเกาะไปยังท้ายเกาะ โดยเส้นทางนี้จะมีสถานีจอดทั้งหมด 8 สถานี ซึ่งแต่ละสถานีที่จอดนั้นจะเป็นจุดเปลี่ยนรถไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อต้องการให้เกิดความรวดเร็วในการเดินทางระหว่างสนามบินกับแหล่ง ท่องเที่ยว
เส้นทางที่มีความสำคัญเร่งด่วนรองลงมาคือ เส้นทางเชื่อมระหว่างหาดป่าตอง-เซ็นทรัลเฟสติวัล-ตัวเมืองภูเก็ต ระยะทาง 18 กิโลเมตร เส้นทางนี้มีความหนาแน่นของผู้โดยสารอยู่ที่วันละ 45,000 กว่าคน และเส้นทางจากสามแยกบางคู-เมืองภูเก็ต-อ่าวฉลอง ระยะทาง 16 กิโลเมตร ความหนาแน่นของผู้โดยสารวันละ 61,000 กว่าคน
ส่วนรูปแบบของรถไฟฟ้าที่จะนำมาใช้ที่จังหวัดภูเก็ต ทางบริษัทที่ปรึกษาได้นำเสนอรถไฟฟ้าที่เป็นแบบรางและรถไฟฟ้าที่เป็นล้อยาง ทั้งที่วิ่งบนถนนโดยกันเป็นช่องพิเศษ วิ่งในเส้นทางที่ยกระดับและวิ่งสลับระหว่างบนถนนและลงใต้ดินในบางช่วงที่การ จราจรติดขัดตามสามแยกและสี่แยกต่างๆ
สำหรับเงินลงทุนนั้น ในเส้นทางสนามบินภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง โครงสร้างแบบยกระดับ ระยะทาง 41 กิโลเมตร มีสถานีจอด 7 สถานี ศูนย์ซ่อม 1 ศูนย์ จุดจอดปลายทางยกระดับ 1 สถานี เป็นระบบรางใช้เงินลงทุน 23,850 ล้านบาท ระบบล้อยางใช้เงินลงทุน 22,350 ล้านบาท หากเป็นโครงสร้างผิวดินแบบระบบราง ใช้เงินลงทุน 13,345 ล้านบาท ระบบล้อยาง 11,845 ล้านบาท และระบบโครงสร้างใต้ดินที่เป็นระบบรางใช้เงินลงทุน 121,300 ล้านบาท ระบบล้อยาง 119,800 ล้านบาท
เส้นทางป่าตอง-เมืองภูเก็ต ระยะทาง 18 กม. สถานีจอด 4 สถานี จุดจอดปลายทาง 1 สถานี หากโครงสร้างยกระดับที่เป็นระบบรางและระบบล้อยางใช้เงินลงทุน 10,100 ล้านบาท โครงสร้างแบบระดับผิวดินระบบรางอยู่ที่ 3,590 ล้านบาท ระบบล้อยาง 3,470 ล้านบาท และระบบใต้ดินระยะทาง 18 กิโลเมตร ระบบราง 58,000 ล้านบาท และระบบล้อยาง 58,000 ล้านบาท
ส่วนเส้นทางสามแยกบางคู-ห้าแยกฉลอง ที่เป็นโครงสร้างยกระดับระยะทาง 16 กิโลเมตร มีทั้งหมด 5 สถานี ใช้รถระบบราง 9,150 ล้านบาท และระบบล้อยาง 9,150 ล้านบาท โครงสร้างระบบผิวดิน ระบบรางและระบบล้อยาง 3,400 ล้านบาท ส่วนโครงสร้างใต้ดินที่เป็นระบบรางและระบบล้อยาง ใช้เงินลงทุนเท่ากันคือ 51,000 ล้านบาท
โดยราคาดังกล่าวยังไม่รวมค่ารถไฟฟ้า โดยรถไฟฟ้าที่เป็นรถระบบรางจะอยู่ที่คันละ 240 ล้านบาท ส่วนรถไฟฟ้าระบบล้อยางจะอยู่ที่คันละ 25 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทที่ปรึกษาได้เสนอแนะระบบโครงสร้างและรูปแบบของรถไฟฟ้าที่เหมาะสม กับจังหวัดภูเก็ต โดยระบุว่าภูเก็ตมีความเหมาะสมกับรถไฟฟ้าที่เป็นรถเมล์ไฟฟ้าหรือรถบัสไฟฟ้า ขนาดใหญ่ที่หรูหราและทันสมัย เป็นรถบัสพ่วงที่มีแบตเตอร์รี่ฝั่งอยู่ในตัวรถ ที่เป็นระบบล้อยาง โดยวิ่งในโครงสร้างระบบผิวดินที่กันเลนพิเศษบนถนนสำหรับให้รถเมล์ไฟฟ้าดัง กล่าววิ่งแยกออกจากเลนธรรมดา และในช่วงที่มีการจราจรหนาแน่นตามสี่แยกและสามแยกต่างๆ ให้รถวิ่งในอุโมงค์เพื่อแก้ปัญหารถติด ซึ่งรถเมล์ไฟฟ้าดังกล่าวมีความเหมาะสมในเส้นทางสนามบิน-สามแยกบางคู-โลตัส- เซ็นทรัล-ห้าแยกอ่าวฉลอง แต่ต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 11,000 ล้านบาท
แต่สำหรับเส้นทางป่าตอง-ตัวเมืองภูเก็ตนั้น ได้แนะนำให้ใช้ระบบเดียวกันกับเส้นทางสนามบินแต่ให้ลดขนาดของรถให้เล็กลง เพราะรถต้องไล่ขึ้นเนินเขาและถนนในช่วงเมืองภูเก็ตไปป่าตองนั้นค่อนข้างคับ แคบด้วย ซึ่งรถที่นำมาใช้น่าจะเป็นรถบัสระบบ Hybrid หรือรถที่ใช้มันดีเซลร่วมกับไฟฟ้า และในเส้นทางเมืองภูเก็ต-ห้าแยกฉลองก็ต้องใช้รถที่มีขนาดเล็กเหมือนเส้นทาง ป่าตอง
นายไกร ตั้งสง่า ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พีระมิด ดีเวลล็อปเม้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด ในฐานะผู้จัดการโครงการศึกษาความเป็นไปได้การก่อสร้างรถไฟฟ้าขนาดเบารอบเกาะ ภูเก็ตและเส้นทางสนามบิน กล่ววว่า ภายหลังจากที่ได้กำหนดเส้นทาง รูปแบบของรถและโครงสร้างระบบ รวมทั้งราคาค่าก่อสร้างแล้วเสร็จ ทางกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาจะเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อนำเสนอผลการศึกษาและและรับฟังความคิดเห็นจากชาวภูเก็ต โดยกำหนดจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นในวันที่ 22 มิ.ย. 2549 นี้
ด้านนายนิรันดร์ กัลยาณมิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่ววว่า โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าระบบโครงสร้างที่ต้องยกระดับไม่น่าที่จะมีความเหมาะสม กับเกาะภูเก็ต ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามตามธรรมชาติ เพราะหากมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่ข้างบนจะทำให้ทัศนวิสัยที่ไม่สวยงามเกิด ขึ้น ซึ่งไม่เหมาะกับเมืองท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเมื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นจะมีความคิดเห็นที่หลากหลายขึ้น
ที่มา : Manager Online
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น