จากซีรีส์ทีวีเรื่องลิต เติ้ลยองย่า หรือรักยิ่งใหญ่จากใจดวงน้อย ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับคนจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับชาวจีน ที่เข้ามาตั้งหลักปักฐานอยู่ในจ.ภูเก็ต ตั้งแต่สมัยเข้ามาขายแรงงานในช่วงที่การทำเหมืองแร่ดีบุกยังรุ่งเรือง ทำให้เรื่องราวของชาวจีนกลุ่มนี้เป็นที่สนใจขึ้นมากกว่าเดิม
ทายาทของชาวจีนที่แต่งงานกับชาวมุสลิมท้องถิ่น ถ้าเป็นผู้ชายจะเรียกว่า บาบ๋า หรือบ้าบ๋า ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะเรียกกันว่า ย่าหยา คนส่วนใหญ่เห็นว่าการแต่งงานเป็นเรื่องหนึ่งในชีวิต ที่แสดงออกถึงความน่าภาคภูมิใจของญาติพี่น้อง ซึ่งชาวจีนเองก็ให้ความสำคัญอย่างมากในเรื่องของสังคมญาติ สังเกตง่ายๆ ได้จากคำเรียกตามลำดับขั้นของคนในครอบครัว ที่มีมากมายทุกลำดับขั้น
เสียงจุดประทัดเป็นการประกาศการเริ่มต้นของงานดีๆ เพื่อต้อนรับขบวนขันหมากของเจ้าบ่าวที่มาพร้อมแม่สื่อในชุดแดงพร้อมสินสอดใน มือ เจ้าบ่าวเดินทางมาด้วยรถลากสีแดงสีอันเป็นมงคลด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดูมีความ สุขมาก เพราะเป็นวันที่เขามารับคู่หมั้นที่บ้านหญิงสาว โดยมี "อึ้มหลาง" ผู้เป็นแม่สื่อแม่ชักเป็นผู้แนะนำให้รู้จักกัน ตลอดจนสอนให้รู้ถึงขั้นตอนขนบธรรมเนียมต่างที่ควรปฏิบัติ ตลอดจนการครองเรือน
เจ้าสาวในชุดเสื้อคลุมลูกไม้สีโอลด์โรสดูอ่อนหวานและงดงาม ประดับด้วยเครื่องประดับทองคำซึ่งแสดงถึงฐานะอันมั่งมีทางสังคม ที่แปลกตาคือมีหญิงสาวในชุดแต่งกายมุสลิมสีสันจัดจ้านร่วมในขบวนขันหมากนี้ ด้วย ดูเป็นความกลมกลืนทางวัฒนธรรมอันแน่นเฟ้นที่หาไม่ได้ในบางพื้นที่ หลังจากนั้นก็เป็นการประกอบพิธียกน้ำชาเคารพญาติผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัว ซึ่งเป็นพิธีที่คู่แต่งงานทั้งหลายก็รอช่วงพิธีนี่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการส่ง ตัวเข้าหอ
รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ แม้จะมากมายแต่ก็แฝงไปด้วยความหมายอันลึกซึ้ง ที่สามารถบันทึกไว้ในความทรงจำได้ด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้เองสมาคมเพอรานากัน จ.ภูเก็ต จึงจัดโครงการวิวาห์บาบ๋าภูเก็ต ภายใต้ชื่อ "วิวาห์หวานบาบ๋า สุดปลายฟ้าอันดามัน" เปิดรับคู่แต่งงานทั่วโลกจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ คู่รักที่ต้องการการซึมซับ ซาบซึ้งกับพิธีย้อนยุค ที่ยังเคลือบไว้ด้วยเสน่ห์อันงดงาม สมดั่งที่ผ่านการขัดเกลามาแล้วเป็นอย่างดี โดยจะมีการจัดอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะมีคู่แต่งงานจากทั่วโลกอย่างน้อย 18 คู่ เข้าร่วมในครั้งนี้
การถูกกลืนทางวัฒนธรรม เกิดขึ้นจากการเห็นว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่เป็นที่ต้องตาต้องใจและเป็นที่นิยม ยอมรับของโลกในปัจจุบัน วันนี้ถ้าเราไม่รู้ถึงคุณค่าเท่ากับไม่ช่วยกันอนุรักษ์เอาไว้ เรื่องดีๆ และประเพณีอันงดงามก็จะค่อยๆ หายไปตามกาลเวลา เหลือเพียงแต่เรื่องราวความทรงจำให้ระลึกถึงเท่านั้นเอง
"กิตตินันท์ รอดสุพรรณ"
kittinun@nationgroup.com
ที่มา : คมชัดลึก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น